สารจากประธานกรรมการ | IFS Capital (Thailand)

เรียน ท่านผู้มีส่วนได้เสีย

เป็นอีกหนึ่งปีที่บริษัทรู้สึกขอบคุณ ที่แม้จะต้องผ่านช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทั่วโลกและความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ ทีมงานของเราไม่เพียงแต่รักษาตำแหน่งของเราในฐานะบริษัทแฟคเตอริ่งชั้นนำในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังส่งมอบผลลัพธ์ที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างมูลค่าในระยะยาว

ในปี 2566 บริษัทมีปริมาณการให้สินเชื่อแฟคตอริ่งอยู่ที่ระดับ 30,612 ล้านบาท และปริมาณสินเชื่อประเภทอื่น (สินเชื่อลีสซิ่ง สินเชื่อเช่าซื้อ และเงินให้กู้ยืมค่าซื้อสินค้า) อยู่ที่ 996 ล้านบาท ถึงแม้ว่าปริมาณการให้สินเชื่อจะปรับตัวลงบ้างจากปี 2565 แต่ด้วยประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนและพอร์ตสินเชื่อ ทำให้บริษัทสามารถส่งมอบกำไรสุทธิหลังหักภาษีจำนวน 158 ล้านบาท เติบโตเล็กน้อยคิดเป็นร้อยละ 0.95 จากปี 2565 นอกจากนี้ บริษัทยังคงรักษาฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยส่วนของผู้ถือหุ้นเติบโตร้อยละ 4.5 ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันความมีเสถียรภาพทางการเงิน และความสามารถในการเติบโตในอนาคต

นายแรนดี้ ซิม เชง เหลียง

ในปี 2566 เรายังคงมุ่งเน้นการให้บริการลูกค้าของเราให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการนำระบบปฏิบัติการหลักสำหรับการให้สินเชื่อใหม่มาใช้ ซึ่งระบบดังกล่าวช่วยในการเชื่อมต่อกับพันธมิตร เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และยกระดับความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล และการบริหารความเสี่ยงของบริษัท โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ไม่ได้เป็นเพียงการปรับปรุงระบบเดิมเท่านั้น แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการดำเนินงานพื้นฐานของบริษัท เพื่อให้บริษัทมีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมสำหรับการก้าวไปสู่แถวหน้าของอุตสาหกรรม

คณะกรรมการบริษัทมีความยินดีในการเสนอให้จ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.168 บาทต่อหุ้น หรือ 16.80 สตางค์ต่อหุ้น สำหรับปี 2566 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 82.91 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลร้อยละ 52.34 ของกำไรสุทธิ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทที่กำหนดให้บริษัทจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิหลังการจัดสรรสำรองตามกฎหมาย ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 22 เมษายน 2567

เราก้าวเข้าสู่ปี 2567 ด้วยการมองโลกในทิศทางบวกอย่างระมัดระวัง ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่สำคัญที่จะต้องตามให้ทันการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น แต่การที่เรารู้ว่าอะไรที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงก็สำคัญไม่แพ้กัน เรามั่นใจว่าด้วยฐานลูกค้าที่หลากหลาย สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรม จะช่วยให้เราสามารถฟันฝ่าอุปสรรค และคว้าโอกาสใหม่ๆ ได้ ในปีนี้ เรายังคงตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาธุรกิจสินเชื่อเครือข่ายธุรกิจ (Supply Chain Financing) ตลอดจนขยายธุรกิจด้านสินเชื่อแฟคเตอริ่งระหว่างประเทศ ในขณะเดียวกัน เรายังคงแสวงหาแนวทางใหม่ๆ เพื่อยกระดับการให้บริการให้ดียิ่งขึ้นแก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ของไทย นอกจากนี้ เรายังดำเนินการเสาะหาความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่จะสามารถเสริมสร้างความเกี่ยวข้องและผลกระทบของเราในประเทศไทย

ในนามของคณะกรรมการบริษัท ผมขอแสดงความขอบคุณต่อคุณชยุตม์ วิชชุประภา ซึ่งได้ครบวาระการดำรงตำแหน่งกรรมการในปี 2566 สำหรับความทุ่มเทและการช่วยเหลืองานให้กับคณะกรรมการ และผมขอถือโอกาสนี้ต้อนรับคุณทวีศักดิ์ แสงทอง ที่ได้รับเลือกให้เป็นกรรมการของบริษัท และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนจากท่านในการเติบโตก้าวถัดไปของบริษัท

บริษัทขอขอบคุณผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า ธนาคาร และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นทุกท่านจากใจจริง ที่ให้การสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทอย่างต่อเนื่อง สำหรับผู้บริหารและพนักงานของเรา ความทุ่มเทของทุกท่านคือกลไกแห่งความสำเร็จของเรา ด้วยความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของทุกท่าน ผมมั่นใจว่าเราจะยังคงสร้างสรรค์นวัตกรรม เติบโต และส่งมอบคุณค่าอย่างต่อเนื่องในปีต่อๆ ไป

ขอแสดงความนับถือ

นายแรนดี้ ซิม เชง เหลียง

นายแรนดี้ ซิม เชง เหลียง
   ประธานกรรมการ
 21 กุมภาพันธ์ 2567