คนทำธุรกิจ SME ต้องรู้กับเรื่องการวางแผนภาษี | IFS Capital (Thailand)
28 Feb 2024
Factoring Knowledge

คนทำธุรกิจ SME ต้องรู้กับเรื่องการวางแผนภาษี

การวางแผนภาษีเป็นกลยุทธ์สำคัญสำหรับธุรกิจ SME ในการบริหารงานและการเงินของบริษัทให้มีประสิทธิภาพ ทั้งยังเป็นการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายอย่างถูกต้อง เพราะภาษีธุรกิจ SME คือ ภาระภาษีที่กฎหมายกำหนดให้ธุรกิจขนาดเล็กและกลางต้องรับผิดชอบและจ่ายให้กับรัฐ เพื่อสนับสนุนงบประมาณของรัฐบาลและรักษาการเงินสาธารณะ

ดังนั้นการเข้าใจและการวางแผนภาษีอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ธุรกิจสามารถลดภาระทางการเงินและส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจได้ แล้ว ภาษีธุรกิจ SME คืออะไร ? ภาษีธุรกิจ SME มีอะไรบ้าง ? ภาษีธุรกิจยื่นได้ที่ไหน เมื่อไหร่ ? ในบทความนี้ IFS Capital ได้หาคำตอบมาไว้ให้แล้ว

ภาษีธุรกิจ SME คืออะไร

ภาษีธุรกิจ SME คือ อัตราภาษีที่ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (Small and Medium-sized Enterprises) ต้องชำระตามกฎหมาย ซึ่งการชำระภาษีธุรกิจเป็นหน้าที่ที่เจ้าของธุรกิจต้องนำจ่ายเพื่อส่งเงินไปสนับสนุนงบประมาณของรัฐบาลและรักษาการเงินสาธารณะ

โดยอัตราภาษีธุรกิจ SME อาจแตกต่างกันไปตามขนาดของธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีการกำหนดสิทธิประโยชน์หรือการลดหย่อนภาษีสำหรับธุรกิจ SME เพื่อให้เจ้าของธุรกิจนำไปวางแผนภาษีและส่งเสริมการเติบโตและการลงทุนในธุรกิจขนาดเล็กและกลางในประเทศ

ภาษีธุรกิจ SME มีอะไรบ้าง

ธุรกิจ SME ในประเทศไทยต้องปฏิบัติตามกฎหมายภาษีหลายประการ เพื่อให้การวางแผนภาษีเป็นไปอย่างถูกต้อง โดยภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ SME ประกอบด้วย

1. ภาษีเงินได้นิติบุคคล

ภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax) คือ ภาษีที่จัดเก็บจากกำไรของนิติบุคคล รวมถึงบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด อัตราภาษีจะแตกต่างกันไปตามขนาดและประเภทของธุรกิจ โดยมีการกำหนดขั้นบันไดของอัตราภาษีตามระดับของกำไรที่ได้รับ

2. ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย

ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (Withholding Tax) คือภาษีที่จัดเก็บจากการจ่ายเงินในลักษณะต่างๆ เช่น ค่าบริการ, ค่าเช่า, ดอกเบี้ย, หรือค่าจ้าง ผู้ที่ทำการจ่ายเงินเหล่านี้มีหน้าที่หักภาษีจากเงินที่จ่ายและส่งให้กรมสรรพากร ตามอัตราที่กำหนดไว้โดยกฎหมาย

โดยผู้ที่ทำการจ่ายเงินต้องส่งรายงานการหักภาษี ณ ที่จ่ายให้กับกรมสรรพากร พร้อมกับการชำระภาษีที่หักได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด และต้องให้หลักฐานการหักภาษีแก่ผู้ที่ถูกหักภาษี เพื่อให้นำไปใช้สำหรับการวางแผนภาษีและใช้เป็นหลักฐานในการยื่นภาษีเงินได้ประจำปีได้

3. ภาษีธุรกิจเฉพาะ

ภาษีธุรกิจเฉพาะ (Specific Business Tax) เป็นภาษีที่จัดเก็บจากธุรกิจบางประเภท เช่น ธุรกิจสถานบันเทิง, การเล่นเกม, การพนัน และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น โดยภาษีนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมและกำกับดูแลธุรกิจที่อาจมีผลกระทบต่อสังคมหรือสิ่งแวดล้อมในทางลบ และเป็นการสร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับรัฐบาล

4. ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็นภาษีที่จัดเก็บจากการขายสินค้าและบริการ โดยทั่วไปอัตราภาษีนี้อยู่ที่ 7% ของราคาขายหรือราคาบริการ ซึ่งมีผลต่อทั้งผู้ผลิต ผู้ขาย และผู้บริโภค

การบัญชีภาษีมูลค่าเพิ่มทำให้ผู้ประกอบการสามารถหักภาษีที่ผู้บริโภคจ่ายไปกับการซื้อสินค้าหรือบริการเพื่อใช้ในการวางแผนภาษีและดำเนินธุรกิจ โดยจะชำระให้กับกรมสรรพากรจากการขายสินค้าหรือบริการของตนเอง ซึ่งเป็นการลดภาระภาษีที่ต้องชำระลงได้บ้าง

5. อากรแสตมป์

อากรแสตมป์ (Revenue Stamp) คือ ภาษีที่ต้องชำระเมื่อทำการจดทะเบียนหรือออกเอกสารตามที่กฎหมายกำหนด เช่น สัญญาเช่า, สัญญาซื้อขาย, เช็ค, หนังสือสัญญาหรือเอกสารอื่น ๆ ที่ใช้ในการทำธุรกรรมทางการเงินหรือทางธุรกิจ

โดยผู้ที่จัดทำเอกสารหรือสัญญาที่เข้าข่ายต้องชำระอากรแสตมป์ จะต้องซื้อแสตมป์อากรจากกรมสรรพากรหรือที่ทำการไปรษณีย์ และติดแสตมป์อากรบนเอกสารหรือสัญญานั้น ๆ เพื่อแสดงว่าได้ชำระภาษีอากรแสตมป์เรียบร้อยแล้ว

ภาษีธุรกิจยื่นได้ที่ไหน

ผู้ประกอบการ SME มีหน้าที่ยื่นภาษีตามประเภทภาษีที่กิจการของตนมีความรับผิดชอบ การยื่นภาษีสามารถดำเนินการได้ทั้งออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร www.rd.go.th หรือยื่นด้วยตนเองที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่หรือสาขาใกล้บ้าน ซึ่งจะต้องชำระภาษีต้องทำภายในกำหนดเวลาที่กำหนด

สำหรับตัวเลือกในการชำระภาษีนั้นมีทั้งระบบการชำระเงินออนไลน์ (e-payment) ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร หรือการไปชำระที่ธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินที่ร่วมมือกับกรมสรรพากร

ภาษีธุรกิจยื่นได้เมื่อไหร่

ภาษีของธุรกิจมีกำหนดยื่นและชำระในช่วงเวลาที่แตกต่างกันตามประเภทของภาษี ดังนี้

  • ภาษีเงินได้นิติบุคคล : ต้องยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคลภายใน 150 วันนับจากวันสิ้นปีบัญชีของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด
  • ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย : มีกำหนดยื่นทุกเดือน ภายในวันที่ 7 และชำระภายในเดือนถัดไปจากเดือนที่มีการจ่ายเงินได้นั้น
  • ภาษีธุรกิจเฉพาะ : การยื่นและชำระภาษีธุรกิจเฉพาะจะต้องทำทุกเดือน โดยมีกำหนดยื่นภายในวันที่ 15 ของเดือนต่อไป โดยไม่ขึ้นอยู่กับว่ามีการเกิดรายได้ในเดือนนั้นหรือไม่
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) : มีกำหนดยื่นและชำระภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไปจากเดือนที่มีการเกิดภาระภาษี
  • อากรแสตมป์ : อากรแสตมป์ต้องจ่ายภายใน 30 วันนับจากวันที่เอกสารหรือสัญญาได้รับการทำขึ้นหรือใช้ในประเทศไทย

สรุปบทความ

การวางแผนภาษีสำหรับธุรกิจ SME ทั้ง ภาษีเงินได้นิติบุคคล, ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย, ภาษีธุรกิจเฉพาะ, ภาษีมูลค่าเพิ่ม และอากรแสตมป์ แต่ละประเภทมีอัตราและวิธีการชำระที่แตกต่างกัน ในฐานะเจ้าของธุรกิจจึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจในแต่ละประเภทของภาษี และยื่นแบบภาษีให้ถูกต้องตามกำหนดเวลา เพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมายและเพิ่มประสิทธิภาพทางการเงินของธุรกิจ

หากคุณต้องการให้ธุรกิจดำเนินกิจการได้อย่างราบรื่น IFS Capital ยินดีเป็นผู้ช่วยให้ทุกธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ด้วยบริการ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ sme ให้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อธุรกิจของคุณ โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ไม่ว่าจะเป็น SMEs หรือธุรกิจขนาดใหญ่ การันตีความน่าเชื่อถือของบริษัทด้วยการเป็นผู้นำในธุรกิจแฟคเตอริ่งของประเทศไทย มายาวนานกว่า 30 ปี