หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ลดลงจนเข้าสู่ภาวะปกติ ภาคธุรกิจขับเคลื่อนเต็มรูปแบบอีกครั้ง ผู้ประกอบการที่ต้องการปรับตัวที่สามารถระดับธุรกิจไปอีกขั้น ด้วยการพัฒนากลยุทธ์และวิธีการใหม่ๆ เพื่อสร้างความแข็งแรงและขยายธุรกิจเพื่อแข่งขันในตลาดปัจจุบัน ต่อไปนี้เป็น 5 กลยุทธ์ที่จะช่วยขยายธุรกิจคุณให้เติบโตได้ดียิ่งขึ้น
1.การเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ (Increase Efficiency)
วิธีที่ง่ายที่สุดในการทำให้ธุรกิจเติบโตคือ ผู้ประกอบการที่ทำงานเชิงรุก ด้วยการตรวจสอบและหาสิ่งที่ลดทอนประสิทธิภาพในกระบวนการของธุรกิจ เช่น การส่งสินค้าให้เร็วขึ้น การบริการที่ตอบสนองความต้องการ การลงทุนในเทคโนโลยี หรือการพูดคุยกับทีมและพนักงานของคุณ เกี่ยวกับการขั้นตอนการทำงานบางอย่างที่เป็นปัญหาที่คุณอาจไม่ได้สังเกตุและส่งผลเสียต่อธุรกิจ
2.เรียนรู้จากลูกค้า (Study Your Customers)
ลูกค้าของคุณเปรียบได้เสมือนกุญแจสำคัญสำหรับธุรกิจ การได้ข้อมูลจากลูกค้าจะแสดงข้อเท็จจริงว่าธุรกิจของคุณเป็นอย่างไร โดยคุณสามารถสอบถามได้ว่าผลิตภัณฑ์หรือสินค้าชนิดใดของคุณที่ขายได้ดี จุดแข็งคืออะไรเพื่อพัฒนาต่อและสินค้าชนิดใดที่ต้องได้รับการปรับปรุง จุดอ่อนคืออะไร แก้ไขอย่างไรจึงเหมาะสม
3.สังเกตุและหาข้อมูลตลาด (Observe the Market)
การสังเกตุและหาข้อมูลในตลาดอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้คุณสามารถหาช่องทางในการขยายธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การจัดหาสินค้าหรือบริการที่มีความต้องการสูงในตลาดแต่ผู้ขายน้อยราย รวมถึงการมองหาตลาดอื่นๆที่คู่แข่งในธุรกิจกำลังทำอยู่จะช่วยให้คุณมีความรู้ที่จะแข่งขันและทำกำไรได้ดียิ่งขึ้น
4.ลงทุนในเทคโนโลยี (Invest in Technology)
การจัดสรรงบประมาณไปใช้ในการวิจัยและพัฒนา เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ในโลกยุคปัจจุบัน เพื่อให้ทัดเทียมคู่แข่งและเหนือกว่า เป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน สิ่งสำคัญของเทคโนโลยีใหม่ไม่ใช่ต้นทุนที่จม แต่สามารถต่อยอดเป็นกำไรได้ในอนาคต
5.การสร้างความหลากหลาย (Diversify)
การสร้างสินค้าและบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่มีความสำคัญต่อการเติบโตของธุรกิจ ตลาดในโลกธุรกิจนั้นมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และคู่แข่งในตลาดมักจะมองหาสิ่งที่สร้างความได้เปรียบทั้งในเรื่องของคุณภาพและความหลากหลาย ทั้งนี้คุณสามารถกระจายความเสี่ยงในธุรกิจได้ด้วยการ สร้างสินค้าที่มีความหลากหลายในด้านกลุ่มลูกค้า เพื่อช่วยสร้างข้อได้เปรียบและลดความเสี่ยงทางธุรกิจ ด้วยสินค้าหรือบริการเพียงชนิดเดียว
ที่มา : Forbes