ในโลกธุรกิจที่การแข่งขันสูง ความรวดเร็วในการบริหารจัดการเงินทุนเปรียบเสมือนหัวใจสำคัญของความอยู่รอด ปัญหาที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มักเผชิญไม่ใช่การขาดทุนทางบัญชี แต่คือปัญหาสภาพคล่องหรือเงินสดหมุนเวียนไม่เพียงพอในช่วงเวลาสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการรอเครดิตเทอมที่ยาวนานจากคู่ค้า หรือความต้องการสั่งซื้อวัตถุดิบเร่งด่วนเพื่อผลิตสินค้าให้ทันออเดอร์ การมองหาแหล่งเงินทุนที่อนุมัติไวและตอบโจทย์จึงเป็นเรื่องจำเป็น “สินเชื่อระยะสั้น” จึงเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ ช่วยให้ธุรกิจมีเงินสดหมุนเวียนทันทีโดยไม่ต้องสร้างภาระหนี้ผูกพันระยะยาว บทความนี้ IFS Capital (Thailand) จะพาไปเจาะลึกทุกแง่มุมของสินเชื่อระยะสั้น เพื่อให้ผู้ประกอบการเลือกใช้ได้อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ทำความรู้จักสินเชื่อระยะสั้น (Short-term Loan)
สินเชื่อระยะสั้น (Short-term Loan) คือ รูปแบบการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินที่มีกำหนดระยะเวลาการชำระคืนค่อนข้างสั้น โดยทั่วไปจะไม่เกิน 1 ปี หรือในบางกรณีอาจยืดหยุ่นได้สูงสุดไม่เกิน 3 ปี วัตถุประสงค์หลักของสินเชื่อประเภทนี้ไม่ใช่เพื่อการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรขนาดใหญ่ เช่น การสร้างโรงงาน หรือซื้อที่ดิน แต่เน้นไปที่การใช้เป็น “เงินทุนหมุนเวียน” (Working Capital) เพื่อเสริมสภาพคล่องรายวัน เช่น การจ่ายค่าจ้างพนักงาน การชำระค่าวัตถุดิบ หรือสำรองจ่ายค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ระหว่างรอเก็บเงินจากลูกค้า ซึ่งจุดเด่นสำคัญคือกระบวนการพิจารณาที่รวดเร็ว เพื่อให้ทันต่อความต้องการใช้เงินเร่งด่วนของธุรกิจ
องค์ประกอบสำคัญที่กำหนด “ดอกเบี้ย” และ “วงเงิน”
การที่สถาบันการเงินจะอนุมัติวงเงินเท่าไหร่ หรือคิดอัตราดอกเบี้ยมากน้อยเพียงใดสำหรับสินเชื่อระยะสั้นนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยประกอบกัน โดยมีองค์ประกอบหลักที่ผู้กู้ควรทำความเข้าใจ ดังนี้
- ความเสี่ยงของผู้กู้ (Risk Profile) : สถาบันการเงินจะตรวจสอบประวัติเครดิตบูโร และงบการเงินย้อนหลัง หากธุรกิจมีประวัติการชำระหนี้ดีและกระแสเงินสดมั่นคง จะมีความเสี่ยงต่ำ ส่งผลให้มีโอกาสได้รับดอกเบี้ยที่ถูกลง
- ประเภทของหลักประกัน (Collateral) : การมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น เงินฝาก หรืออสังหาริมทรัพย์ มักจะช่วยให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน (Unsecured Loan) เนื่องจากลดความเสี่ยงให้กับผู้ปล่อยกู้
- สภาวะตลาดและนโยบายสถาบันการเงิน : อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (MRR, MOR) ในขณะนั้น รวมถึงนโยบายการสนับสนุนกลุ่มธุรกิจ SME ของแต่ละสถาบันการเงิน ก็มีผลต่อต้นทุนการกู้ยืมเช่นกัน
ประเภทของสินเชื่อระยะสั้นที่พบได้ทั่วไป มีอะไรบ้าง?
แหล่งเงินทุนระยะสั้นในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบ เพื่อรองรับความต้องการที่แตกต่างกันของแต่ละธุรกิจ โดยประเภทที่ได้รับความนิยมและพบเห็นได้บ่อย มีดังนี้
1. สินเชื่อเบิกเงินเกินบัญชี (Overdraft – O/D)
เป็นสินเชื่อที่ผูกกับบัญชีกระแสรายวัน โดยผู้กู้สามารถเขียนเช็คสั่งจ่ายเงินได้เกินกว่ายอดเงินที่มีอยู่ในบัญชี ตามวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากธนาคาร ข้อดีคือมีความยืดหยุ่นสูงมาก เบิกใช้เมื่อไหร่ก็ได้ และเสียดอกเบี้ยเฉพาะยอดเงินที่เบิกใช้จริงเท่านั้น เหมาะสำหรับการสำรองจ่ายค่าใช้จ่ายหมุนเวียนรายวันที่ไม่แน่นอน แต่โดยปกติจะมีอัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างสูงกว่าสินเชื่อประเภทอื่น
H3 2. สินเชื่อแฟคเตอริ่ง (Factoring)
หรือที่เรียกว่าบริการรับซื้อหนี้การค้า เป็นรูปแบบสินเชื่อที่ได้รับความนิยมมากในกลุ่มธุรกิจ B2B โดยผู้ประกอบการนำ “ใบวางบิล” หรือ “ใบแจ้งหนี้” ที่ยังไม่ครบกำหนดชำระ มาขายลดให้กับสถาบันการเงินอย่าง IFS Capital (Thailand) เพื่อรับเงินสดล่วงหน้าไปหมุนเวียนทันที วิธีนี้ช่วยเปลี่ยนบิลให้เป็นเงินสดโดยไม่ต้องรอเครดิตเทอม และที่สำคัญคือมักไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันแบบสินเชื่อทั่วไป
3. ตั๋วสัญญาใช้เงิน (Promissory Note – P/N)
เป็นตราสารทางการเงินที่ผู้กู้ทำสัญญาว่าจะชำระเงินคืนพร้อมดอกเบี้ยให้กับผู้ให้กู้ภายในระยะเวลาที่กำหนดอย่างชัดเจน เช่น 30 วัน, 60 วัน หรือ 90 วัน โดยรับเงินก้อนไปทั้งจำนวน เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีรอบการหมุนเวียนของเงินที่แน่นอน เช่น กู้ซื้อวัตถุดิบเพื่อผลิตสินค้า และจะคืนเงินเมื่อขายสินค้าได้ โดยดอกเบี้ยมักจะต่ำกว่าสินเชื่อ O/D
4. สินเชื่อบุคคล/บัตรกดเงินสด
เป็นสินเชื่อสำหรับรายย่อยที่เน้นความสะดวกและรวดเร็ว ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน สามารถกดเงินสดจากตู้ ATM มาใช้ได้ทันที อย่างไรก็ตาม สินเชื่อประเภทนี้มักมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับประเภทอื่น ๆ และวงเงินอาจไม่สูงมากนัก จึงเหมาะสำหรับการแก้ปัญหาฉุกเฉินส่วนบุคคลมากกว่าการใช้เพื่อธุรกิจขนาดใหญ่
ตารางเปรียบเทียบ : สินเชื่อระยะสั้น VS สินเชื่อระยะยาว เลือกแบบไหนให้เหมาะกับคุณ?
การเลือกประเภทสินเชื่อให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การใช้เงิน จะช่วยลดต้นทุนทางการเงินและป้องกันปัญหาสภาพคล่องในอนาคต ตารางด้านล่างนี้แสดงความแตกต่างระหว่างสินเชื่อระยะสั้นและระยะยาว
| ปัจจัยเปรียบเทียบ | สินเชื่อระยะสั้น | สินเชื่อระยะยาว |
| ระยะเวลาผ่อนชำระ | ไม่เกิน 1 ปี (สูงสุด 3 ปี) | มากกว่า 3 ปี ขึ้นไป (สูงสุด 20-30 ปี) |
| วัตถุประสงค์การใช้งาน | เงินทุนหมุนเวียน, ค่าใช้จ่ายรายวัน, สภาพคล่อง | ลงทุนสินทรัพย์ถาวร (ที่ดิน/โรงงาน/เครื่องจักร) |
| วงเงินกู้ | ปานกลาง (ตามกระแสเงินสดธุรกิจ) | สูง (ตามมูลค่าหลักทรัพย์/โครงการ) |
| อัตราดอกเบี้ย | อาจสูงกว่าต่อปี (แต่จ่ายจบไว ดอกเบี้ยรวมต่ำ) | ต่ำกว่าต่อปี (แต่จ่ายนาน ดอกเบี้ยรวมสูง) |
| ความเร็วในการอนุมัติ | รวดเร็ว (1 – 7 วันทำการ) | ใช้เวลานาน (1 เดือนขึ้นไป) |
ในมุมมองของ IFS Capital (Thailand) ต่อการเลือกใช้สินเชื่อนั้น “ผู้ประกอบการควรมองสินเชื่อระยะสั้นว่าเป็น “เครื่องมือคว้าโอกาส” มากกว่าแค่การกู้ยืมเพื่อแก้ปัญหา หากธุรกิจของคุณมีออเดอร์รออยู่แต่ขาดเงินซื้อของ การใช้สินเชื่อระยะสั้นอย่าง Factoring จะช่วยปลดล็อกข้อจำกัดนี้ได้ทันที ในขณะที่สินเชื่อระยะยาวควรเก็บไว้ใช้สำหรับการขยายฐานการผลิตที่ต้องใช้เวลาคืนทุนนาน การเลือกใช้เครื่องมือให้ถูกประเภทคือกุญแจสำคัญของการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ”
ข้อดีและข้อจำกัดของการใช้สินเชื่อระยะสั้น
ทุกเครื่องมือทางการเงินย่อมมีทั้งจุดเด่นและข้อควรระวัง การเข้าใจทั้งสองด้านจะช่วยให้ผู้ประกอบการวางแผนการเงินได้อย่างรัดกุม
ข้อดีของการใช้สินเชื่อระยะสั้น
- อนุมัติไว ทันต่อเหตุการณ์ : ขั้นตอนการพิจารณามักไม่ซับซ้อน เหมาะกับสถานการณ์ฉุกเฉินหรือโอกาสทางธุรกิจที่รอไม่ได้
- ภาระหนี้จบเร็ว : เนื่องจากระยะเวลาผ่อนชำระสั้น ทำให้ปลดหนี้ได้ไว ไม่เป็นภาระผูกพันระยะยาวกับกิจการ
- เข้าถึงง่าย : สินเชื่อระยะสั้นบางประเภท เช่น แฟคเตอริ่ง ไม่จำเป็นต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน เปิดโอกาสให้ SME เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น
- ดอกเบี้ยรวมต่ำกว่า : แม้อัตราดอกเบี้ยต่อปีอาจดูสูง แต่เมื่อระยะเวลาผ่อนสั้น จำนวนเม็ดเงินค่าดอกเบี้ยที่จ่ายจริงอาจน้อยกว่าการผ่อนสินเชื่อระยะยาวหลายปี
ข้อจำกัดของการใช้สินเชื่อระยะสั้น
- ยอดผ่อนชำระต่องวดสูง : เนื่องจากต้องคืนเงินต้นทั้งหมดภายในระยะเวลาสั้น ทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนอาจสูง ซึ่งต้องบริหารกระแสเงินสดให้ดี
- อัตราดอกเบี้ยอาจสูงกว่า : ในกรณีที่เป็นสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน สถาบันการเงินอาจคิดดอกเบี้ยสูงกว่าเพื่อชดเชยความเสี่ยง
- ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง : หากกู้มาแล้วหมุนเงินไม่ทันตามกำหนดชำระ อาจกระทบต่อประวัติเครดิตและความเชื่อมั่นได้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสินเชื่อระยะสั้น
สำหรับใครที่สนใจทำสินเชื่อระยะสั้น แต่ยังมีข้อสงสัยอยู่ เราได้รวมคำถามที่หลายคนมักสงสัยเกี่ยวกับการใช้บริการนี้มาให้แล้ว
สินเชื่อระยะสั้นคืออะไร?
คือเงินกู้ที่มีกำหนดชำระคืนภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี เน้นใช้เพื่อเสริมสภาพคล่องหรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ไม่เน้นการลงทุนระยะยาว
ดอกเบี้ยคิดแบบไหน รายเดือนหรือรายปี?
โดยทั่วไปสถาบันการเงินจะประกาศอัตราดอกเบี้ยเป็น “ต่อปี” (Per Year) แต่ในการคิดคำนวณจริงมักจะเป็นแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) หรือคิดตามจำนวนวันที่ใช้วงเงินจริง
ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันไหม?
มีทั้งสองแบบ หากเป็นสินเชื่อ O/D อาจต้องใช้หลักทรัพย์ แต่หากเป็นสินเชื่อแฟคเตอริ่ง หรือสินเชื่อบุคคลเพื่อธุรกิจ อาจไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยพิจารณาจากเอกสารการค้าหรือความน่าเชื่อถือแทน
ใช้เอกสารอะไรบ้างในการสมัคร?
เอกสารพื้นฐานประกอบด้วย หนังสือรับรองบริษัท, ภพ.20, รายการเดินบัญชี (Statement) ย้อนหลัง 6 เดือน และเอกสารทางการเงินอื่น ๆ ตามประเภทสินเชื่อ (เช่น ใบแจ้งหนี้สำหรับแฟคเตอริ่ง)
อนุมัติเร็วแค่ไหน?
ขึ้นอยู่กับประเภทสินเชื่อและสถาบันการเงิน โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3 – 7 วันทำการ สำหรับสินเชื่อระยะสั้นบางประเภทอาจอนุมัติได้ภายใน 24 ชั่วโมงหากเอกสารครบถ้วน
สรุปบทความ
การบริหารจัดการสภาพคล่องคือกุญแจสำคัญที่ชี้ชะตาธุรกิจ สินเชื่อระยะสั้นจึงเป็นตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพในการปิดช่องว่างทางการเงินและเปิดโอกาสให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง หากเลือกใช้ให้ถูกประเภทและวางแผนการชำระคืนอย่างรอบคอบ สำหรับผู้ประกอบการ SME ที่กำลังมองหาแหล่งเงินทุนหมุนเวียนที่เข้าใจธุรกิจ ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน และอนุมัติไว IFS Capital (Thailand) พร้อมให้บริการสินเชื่อแฟคเตอริ่ง และสินเชื่อเพื่อธุรกิจอื่น ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนให้คุณ “กล้าโต” ไปด้วยกัน














